สอบเข้ามหาลัย

เทคนิคการเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย

การเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่หนักที่สุดในช่วงชีวิตการเรียน ทั้งด้านความกดดัน และด้านคู่แข่งที่มีมากมาย เพราะนั่นหมายถึงการมุ่งหน้าสู่เส้นทางที่ตนเองชอบจริงๆ ก่อนจบออกมาแล้วจะได้ใช้ความรู้ความสามารถในการทำงาน ซึ่งนั่นจะเป็นอีกช่วงหนึ่งของชีวิต แต่เราก็ไม่อยากให้น้องๆ เครียดมากจนเสียสุขภาพจิต เราจึงมีเทคนิคดีๆ มาฝากให้ลองนำไปปรับใช้ ในช่วงการเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย

1.ค้นหาสิ่งที่ตนเองรัก

น้องๆบางคนแม้กระทั่งม.6 แล้วก็อาจจะยังไม่รู้ว่าอยากเป็นอะไร หรืออยากเข้าคณะอะไร มีหน้าที่เรียนไปเรื่อยๆ คณะก็เลือกตามเพื่อนๆเอา หรือเลือกตามที่พ่อแม่แนะนำให้เลือกเอา ซึ่งการเลือกเช่นนั้นเป็นวิธีการที่ผิดเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากว่าน้องๆเข้าไปเรียนแล้วไม่ชอบ ไม่ใช่ ก็อาจต้องเสียเวลา “ซิ่ว” เพื่อมาเรียนคณะอื่น หรือต่อให้จบแล้วอาจจะต้องทนทำงานนั้นไปตลอดชีวิตก็คงจะไม่ดีแน่ๆ

น้องๆ หลายคนอาจจะชอบร้องรำทำเพลง ชอบแสดงออก ชอบทำตัวโดดเด่นเป็นเดอะสตาร์ แบบนี้ก็คงรู้แล้วใช่ไหมคะว่า เราอาจจะต้องเลือกเรียนในสาขาที่เกี่ยวข้องกับด้านนิเทศศาสตร์ หรือบางคนอาจจะชอบ หลงใหล มีความสุขเมื่อได้ใช้ภาษาที่สองหรือสาม ก็อาจจะไปทางด้านสาขาที่เกี่ยวข้องกับภาษาต่างประเทศ การท่องเที่ยว การโรงแรม หรือสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น หรือเข้าร่วมค่ายที่จัดโดยคณะต่างๆเพื่อค้นหาตัวเองให้เจอว่าคณะไหนนั้น “ใช่” สำหรับเรา

เมื่อเรารู้ว่าเรารักหรือชอบอะไร ชีวิตในมหาวิทยาลัยก็จะเป็นชีวิตที่สนุก ลดทอนความรู้สึกที่ว่า ฉันมาเรียนอะไรก็ไม่รู้ไม่เห็นสนุกเลย ทำไมมันยากจังเลย และเราจะไม่มีแรงสู้ในการร่ำเรียน ดังนั้น รีบหาตัวเองให้เจอนะคะ อย่าตามเพื่อน เพราะท้ายที่สุดแล้ว “ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน”

2.ศึกษาหาข้อมูลการสอบและหลักสูตรการเรียนการสอน

วิธีการรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยนั้นก็มีหลากหลายทางไม่ว่าจะเป็น รับตรงของมหาวิทยาลัยเอง โควต้าชนิดต่าง หรือจะเป็นการรับผ่านระบบของการสอบกลาง ก็แล้วแต่ ดังนั้นน้องๆก็ควรจะหาข้อมูลให้พร้อมว่าคณะที่เราอยากเข้านั้นรับนักเรียนเข้าศึกษาต่อผ่านทางไหนบ้าง เพราะยิ่งเราทราบวิธีการรับนักเรียนมากวิธีเท่าไหร่โอกาสในการที่จะได้เข้าคณะนั้นๆก็ยิ่งสูงขึ้น

ศึกษาหลักสูตรการเรียนการสอนของแต่ละสถาบันการศึกษาที่มีหลักสูตรที่เราอยากเรียน ว่ามีรายละเอียดอย่างไร ค่าใช้จ่ายในการเล่าเรียนโดยประมาณเท่าไหร่ เพื่อที่จะนำมาประเมินกับความพร้อมทางด้านเวลา และการเงินของเรา เพราะหลักสูตรการเรียนการสอน บางที่วิชาหลักที่จะสอน อาจจะไม่ครอบคลุมในสิ่งที่เราสนใจเรียน ซึ่งทั้งหมดนี้ทำความเข้าใจให้ดีๆ หากไม่แน่ใจก็ให้โทรถามจากทางมหาวิทยาลัยนั้นๆ จะดีที่สุด

สอบเข้ามหาลัย

3. เตรียมจัดตารางการอ่านหนังสือ

การสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นเราจะต้องแข่งขันกับนักเรียนทั้งประเทศ ดังนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอนใช่ไหมละครับ ดังนั้นน้องๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งม.6 จะมามัวแต่เล่น เที่ยว หรือเกเร ไม่ได้แล้วนะครับ น้องๆจะต้องมีการจัดตารางการอ่านหนังสือให้พร้อม โดยควรจัดตารางการอ่านหนังสือตั้งแต่เนิ่นๆ อาจจะตั้งแต่เปิดเทอมม.6 และควรวางแผนให้อ่านจบทั้งหมดก่อนสอบประมาณ 1-2 เดือน ไม่ใช่จบในคืนก่อนสอบละครับ

4.ฝึกทำโจทย์และฝึกทำข้อสอบเก่า

นอกจากเนื้อหาที่เราควรอ่านให้จบก่อนสอบ 1-2 เดือนแล้ว การทำข้อสอบก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยอาจทำโจทย์ไปพร้อมกับการอ่าน หรือทำในช่วง 1-2 เดือนที่เหลือจากการอ่านเนื้อหาก็ได้ แต่ต้องทำ!! เพราะการทำโจทย์นั้นจะทำเหมือนเป็นการลงสนามจริงหลังจากที่อ่านเนื้อหามาอย่างพร้อมแล้ว เพื่อที่จะประเมินว่าเรายังบกพร่องตรงจุดไหน หรือจริงๆแล้วที่เราอ่านมานั้นเราสามารถนำมาใช้ในการทำข้อสอบได้ดีแค่ไหน จะได้ปรับปรุงกันต่อไป

ฝึกทำข้อสอบเก่า เพราะการทำข้อสอบเก่าจากปีก่อนๆ จะช่วยทำให้น้องๆ มั่นใจมากขึ้น มีประสบการณ์ในการทำข้อสอบมากขึ้น เผลอๆ บางปีมีข้อสอบเก่าๆ นำมาออกอีกด้วย ดังนั้น ตั้งใจทำและจับเวลาจริงๆ เสมือนอยู่ในสนามสอบ เพื่อฝึกสมาธิ ฝึกการคิดวิเคราะห์ และทำให้เราไม่ตื่นสนามสอบ

5.ท้อได้ แต่อย่าถอย

ข้อนี้สำคัญมากนะครับ ในการเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นคงเป็นช่วงชีวิตในการเรียนที่หนักที่สุดของน้องๆแล้วละ เพราะต้องแข่งกับนักเรียนทั้งประเทศ หลายครั้งที่อ่านหนังสือน้องๆอาจจะท้อ ซึ่งถ้าหากท้อก็อยากให้หยุดอ่านสักพัก ไปทำกิจกรรมอื่นๆที่อยากทำ และกลับมาอ่านหนังสือต่อ อย่าเพิ่งถอยจนเลิกอ่านไปเลย เพราะระหว่างที่เรากำลังเล่น คนอื่นอาจจะกำลังอ่าน และระหว่างที่เรากำลังอ่าน คนอื่นอาจจะกำลังอ่านมากกว่าก็ได้นะ ดังนั้นท้อได้ แต่อย่าถอย กันละ

6.หาเวลาผ่อนคลายบ้าง

หากการทำข้อสอบแบบรัวๆ การอ่านหนังสือแบบเข้มข้นข้ามวันข้ามคืน หรือแม้กระทั่งการติวกับสถาบันติวเตอร์ต่างๆ มันอาจจะทำให้น้องๆ เกิดการเหนื่อยล้าบ้าง ง่ายๆเพียงแค่หาเวลาให้สมองได้ผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงการฝืนใช้งานร่างกายและสมอง

ควรจะต้องพักผ่อนให้ได้วันละ 8 ชั่วโมง เพื่อที่สมองจะได้ปลอดโปร่งโล่งสบาย ไม่เช่นนั้นแล้ว ร่างกายจะไม่สมบูรณ์ สมองอาจจะเบลอๆ จากการนอนน้อยไปหน่อย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเสียต่อสุขภาพ และไม่เพียงแค่ช่วงเตรียมตัวสอบเท่านั้น ในชีวิตประจำวันทั่วไปก็ควรพักผ่อนให้ได้ 8 ชั่วโมงเช่นกัน

 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ whiteoakoutfittersinc.com

 

 

 

Releated